본문 바로가기

All About Tiffany

[แปล]บทสัมภาษณ์เต็มของ ทิฟฟานี่ ยัง กับนิตยสาร GQ KOREA (2023.03.23)

ทิฟฟานี่ ยัง “วันนี้ก็เช่นกัน ให้ฉันแสดงให้ดูว่าฉันเป็นใคร ฉันต้องแสดงให้ดูว่าฉันเป็นใคร”

******กรุณานำออกไปพร้อมเครดิต @StephCity_


GQ: ในฐานะกรรมการตัดสินรายการออดิชั่น <Peak Time> คุณพูดแต่สิ่งดีๆทั้งนั้นเลยไม่ใช่เหรอ?
ทิฟฟานี่: ฉันพูดหมดค่ะ ที่พูดบ่อยเลยคือส่วนที่ต้องแก้ไขและปรับปรุง! ทำไมเท้าไม่ตรงกันแบบนี้ละ ต้องระวังเสียงลมหายใจด้วยนะ คำพูดที่จำเป็นเกี่ยวกับส่วนต่างๆที่ควรจะต้องทำให้สมบูรณ์ในครั้งถัดไป ฉันต้องพูดให้ครบเท่าที่จะพูดได้ค่ะ

GQ: นึกว่าคุณจะประหยัดคำพูดเพราะความเห็นอกเห็นใจ
ทิฟฟานี่: พวกเขาซึมซับทุกอย่างในกองถ่ายค่ะ รับฟังและนำไปปรับปรุงในตอนถัดไป พวกเขาพูดขอบคุณกับฉันต่างหากด้วย เป็นช่วงเวลาที่ฉันเองก็ได้สัมผัสและเรียนรู้อะไรมากมายเลยค่ะ

GQ: ทุกวันนี้ คุณยังไปออดิชั่นอยู่มั้ย?
ทิฟฟานี่: แน่นอนค่ะ ต้องมีขั้นตอนออดิชั่นเสมอเพื่อที่จะได้ทำงาน ไม่ว่าจะเป็นละคร ภาพยนตร์ หรือมิวสิคัล ทุกอย่างล้วนมีขั้นตอนการออดิชั่น งานที่อเมริกาก็เป็นการเปิดออดิชั่นทั้งหมด ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าจะเห็นอยู่ 2-3 งาน? มันดุเดือดเสมอค่ะ

GQ: น่าสนใจจริงๆที่ได้เห็นท่าทีที่แสดงออกราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดามากแบบนี้ ศิลปินที่มีชื่อเสียงในระดับที่ได้รับหน้าที่เป็นกรรมการในการออดิชั่น แต่กลับไม่ปิดบังช่องว่างในการเป็นผู้เข้าร่วมออดิชั่นเลยแม้แต่น้อย
ทิฟฟานี่: ไม่มีอะไรต้องอายนี่คะ ฉันแค่อยากแสดงให้เห็นว่าฉันเปิดกว้างเสมอ เพราะงั้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนฉันก็อยากจะใช้ชีวิตอย่างโปร่งใสค่ะ อยู่ๆจะมา (สะบัดผม) “ฉันได้งานนี้แหละ” ไม่ค่ะ “I’m working hard for it. you know?” มันเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก และฉันต้องการให้คุณรู้ว่าฉันทำงานหนักมากเพื่อมัน เพราะเป็นทิฟฟานี่เหรอ? ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ This is work. This is art. เพราะเป็นโซนยอชิแดเหรอ? No, nothing is free, Honey. การไปออดิชั่นไม่ใช่เรื่องน่าอายค่ะ มันทำให้ฉันแข็งแกร่งอดทนขึ้นมากกว่า

GQ: ถึงอย่างนั้น คุณไม่รู้สึกปวดใจเหรอเมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของคนที่คิดว่าคุณได้ตำแหน่งนี้มาฟรีๆ?
ทิฟฟานี่: การแสดง(performance)นั้นไม่สามารถบริโภคดิบได้ค่ะ เพราะทุกการแสดงล้วนถูกสร้างจากกระบวนการที่ต้องใช้เวลา ฉันมักจะประหยัดพลังงานด้วยการพูดว่า ‘มาโฟกัสแค่ตรงนี้กันเถอะ’ โซนยอชิแดก็เหมือนกัน เราไม่ใช่โซนยอชิแดแบบที่เป็นในวันนี้ตั้งแต่แรกเริ่ม ตอนนี้ฉันรู้สึกขอบคุณที่มีคนพูดว่า “การแสดงของโซนยอชิแดยอดเยี่ยมที่สุด” แต่ที่ผ่านมาก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังบกพร่อง หลายอย่างที่ยังไม่ชำนาญ และไม่เป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ที่โซนยอชิแดกลายเป็นโซนยอชิแดในวันนี้ เพราะเราผ่านกระบวนการเหล่านั้นมาและเราไม่ยอมแพ้ค่ะ ก็เหมือนกับกระบวนการของทิฟฟานี่ในการก้าวไปสู่การเป็นนักแสดง(performer)ที่ดีโดยไม่ท้อถอย ขณะที่ช่วงเวลาของการหลั่งเลือด หยาดเหงื่อ และน้ำตาไหลบ่าเข้ามา ฉันก็ได้สร้างตัวละครขึ้นมาทีละตัว ทีละตัว ตอนนี้ฉันพอใจกับอาชีพของฉันแล้ว และฉันจะพยายามให้มากขึ้นอีกค่ะ

GQ: ความแข็งแกร่งอดทนที่คุณบอกยังวนอยู่ในหัวฉัน ในฐานะโซนยอชิแด วงที่เป็นตัวแทนของ K-Pop ดูไม่น่าจะมีอะไรที่ทำให้ต้องเพิ่มความแข็งแกร่งอดทนเลย
ทิฟฟานี่: เฮ้ เมื่อพูดถึงโซนยอชิแด ก็คือความแข็งแกร่งอดทนเลยนะคะ มันออกมาจากความพยายามทั้งหมดจริงๆ ทุกครั้งที่มี concept ใหม่ออกมา จะมีคำพูดแบบนี้เต็มไปหมด “พวกเธอล้มเหลว”, “พวกเธอจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน?” นั่นไม่ใช่สิ่งที่ศิลปินหญิงต้องเผชิญ ไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงในสังคมต้องเผชิญเหรอคะ? แต่ในการฉลองครบรอบ 15 ปีเมื่อปีที่แล้ว พวกเรา(โซนยอชิแด)ทุกคนได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเราจะแยกกันและกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งต่อไปด้วยภาพลักษณ์ที่แข็งแรงจริงมั้ยคะ แค่นั้นก็สนุกมากแล้ว ที่เราได้เป็นพลังขับเคลื่อนดีๆให้กันและกัน

GQ: คุณต่อสู้กับสิ่งที่มองไม่เห็นมาตลอดเลยสินะ
ทิฟฟานี่: ค่ะ ฉันห่อหุ้มตัวเองอย่างสดใสมาจนถึงตรงนี้ ก็เลยยิ่งรู้สึกแบบนั้นค่ะ แต่จากนี้ สำหรับฉัน ในฐานะทิฟฟานี่ ยัง คงต้องบอกว่าตั้งแต่โซโล่อัลบั้มแรก(2016) ฉันก็ค่อยๆถอดมันออก อยากแสดงให้เห็นแต่อะไรที่เป็นธรรมชาติและเป็นจริงเท่านั้น เรียกว่าเป็นตัวเองก็ได้มั้งคะ? เพราะงั้น อะไรที่เข้าไม่ถึงและไม่โดนใจฉัน ฉันก็จะไม่แสดงมันออกมา ไม่ใส่และไม่กินด้วย ฉันต้องการแค่ ‘Real’ เท่านั้นจริงๆ นั่นคือจุดเปลี่ยนของฉันค่ะ

GQ: หลักฐานของ “Real” นั้นดูเหมือนจะเป็นอัลบั้มโซโล่ที่ปล่อยออกมาอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2018
ทิฟฟานี่: ใช่แล้วค่ะ ฉันเทออกมาหมดเลย

GQ: การเปลี่ยนแปลงที่รู้สึกได้ทันทีคือเสียงของคุณ ปกติทิฟฟานี่เสียงต่ำขนาดนี้เลยเหรอ? นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดตลอดการสนทนาของเรา
ทิฟฟานี่: ขอบคุณสำหรับคำพูดนั้นค่ะ โซนยอชิแดคือวงที่มีทั้งซาวด์และอิมเมจที่ฉันต้องการที่สุดในช่วงวัยรุ่น แต่โทนเสียงที่แท้จริงและสีสันของเสียงโดยกำเนิดของฉันคือเสียงนี้ค่ะ ถ้ามองฉันเมื่อก่อน รสนิยมด้านเพลง ภาพยนตร์ และแฟชั่นของฉันจะเป็นแบบ high teen(วัยรุ่นม.ปลาย) แต่ถ้ามองฉันตอนนี้ ฉันชอบอะไรที่คลาสสิกและดาร์กๆหน่อยค่ะ สไตล์ที่อยู่ลึกลงไปในใจของฉัน I think it is a lot darker. แล้วในที่สุด เสียงของฉัน ซาวด์กับโปรดิวเซอร์ก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ผลลัพธ์ต่างๆเหล่านั้นเลยเกิดขึ้นมาค่ะ ‘voice color(สีสันของเสียง)ที่ฉันควรมั่นใจมากที่สุดคือเสียงนี้สินะ’ เป็นช่วงเวลาที่ได้ค้นพบอย่างชัดเจนมากขึ้นค่ะ

GQ: พูดตามตรง สิ่งที่ฉันไม่คุ้นเคยที่สุดในระหว่างที่เตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์ครั้งนี้ก็คือ.…
ทิฟฟานี่: (เขยิบมานั่งชิดโต๊ะแล้วยิ้ม) คืออะไรเหรอคะ?

GQ: ‘Magnetic Moon Tour’
ทิฟฟานี่: ทัวร์! มันสนุกมากค่ะ

GQ: เหมือนวงแบนด์ในหนังเรื่อง <Home Alone> ที่ให้แม่ของเควินนั่งรถมาด้วยเลย ทำไมคุณถึงไปทัวร์คอนเสิร์ตด้วยรถบัสที่อเมริกาเหนือเป็นเวลา 4 สัปดาห์กับสตาฟ 10 คน ขณะที่ต้องใช้ห้องน้ำบนรถบัสละ?
ทิฟฟานี่: So fabulous. ทัวร์ที่อเมริกาหรือทัวร์ของนักดนตรีทุกคนที่นั่นเป็นแบบนั้นค่ะ เหมือนๆกันหมด เป็นช่วงเวลาที่แสนวิเศษและบางคนอาจจะบอกว่า “Oh my god! ทิฟฟานี่กับอารีน่าทัวร์และโดมทัวร์” แต่ No! เพื่อก้าวไปสู่การเป็นร็อคสตาร์ที่แท้จริง นี่คือขั้นตอนที่คุณต้องทำค่ะ ฉันว่ามันเป็นศิลปะอีกสไตล์หนึ่งเมื่อเทียบกับการฝึกในสเกลใหญ่ เพราะในโรงละครขนาดเล็ก ฉันสามารถควบคุมการแสดงโดยใช้แค่เสียงของฉันดึงความสนใจและสร้างความประทับใจให้กับผู้ชม ฉันอยากเป็นศิลปินแบบนั้นค่ะ ฉันเลยต้องก้าวผ่านขั้นตอนนั้นมาให้ได้ และมันคือจุดเปลี่ยนที่แท้จริง ฉันคิดว่าบางทีฉันคงได้รับความแข็งแกร่งอดทนมาจากตอนนั้นค่ะ เราทำถึง 30 โชว์ในแต่ละครึ่งปีแรกและครึ่งปีหลัง และขั้นกลางด้วยเอเชียทัวร์อีกประมาณ 15 โชว์ เพราะกระบวนการเหล่านั้น ฉันจึงสามารถทำกิจกรรมครบรอบ 15 ปีของโซนยอชิแด, <Chicago> และ <Reborn Rich> ไปพร้อมๆกันได้ค่ะ

GQ: คุณคงแข็งแรงขึ้นมากทั้งภายในและภายนอกเลยสินะ
ทิฟฟานี่: ดูเหมือนฉันจะเกิดมาเพื่อเดินทาง Born to be on the road เสมอ ฉันชอบการทัวร์คอนเสิร์ตและการแสดงสดที่สุดเลยค่ะ เพียงแค่ได้เจอหน้าแฟนๆ ฉันก็สามารถทำงานหนักกับเสียงของฉันแล้วมอบมันเป็นของขวัญให้พวกเขาได้ แค่ได้กลายเป็นคนที่สามารถสร้างเอเนอร์จี้บางอย่างให้เพื่อนๆเหล่านี้ได้เปล่งเสียงของพวกเขาออกมา ฉันจะไม่ทำมันได้ยังไงละคะ

GQ: ใบหน้าของทิฟฟานี่ดูมีความสุขในบัสทัวร์คันนั้น บนรถบัสเตียงสองชั้นที่วิ่งตลอดคืนเพื่อมุ่งสู่เวทีถัดไป
ทิฟฟานี่: ฉันมีความสุขมากๆเลยค่ะ หลังย้ายออกจากเกาหลี ขณะไปเรียนที่โรงเรียน(การแสดง) ฉันก็เข้าคอร์สรับการให้คำปรึกษาอยู่นาน เพราะฉันมีอาชีพที่สุดโต่งมากที่ต้องคอยดูแลรักษาสภาพจิตใจของตัวเองให้ดีใช่มั้ยละคะ ระหว่างช่วงที่เข้ารับการให้คำปรึกษา มันเจ็บปวดราวกับการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันกำเริบขึ้นมา ไม่ต่างกับโรค Imposter Syndrome เลยค่ะ ‘ฉันเป็นร็อคสตาร์ใช่หรือเปล่า?’, ‘ฉันไม่ใช่นักแสดง(performer)เหรอ?’ เป็นช่วงเวลาที่เหมือนกับ Jekyll and Hyde แต่เพียงแค่ได้ขึ้นไปบนเวทีก็ทำให้ฉันได้ตระหนักอีกครั้งว่าฉันควรจะต้องมีความภาคภูมิใจและความรับผิดชอบค่ะ มันสนุกจริงๆ It was bittersweet. เพราะเป็นวงดนตรีสดทั้งหมด ไม่มีคอรัส และเซ็ตลิสต์โซโล่ประมาณ 22 เพลงที่ฉันต้องเติมเต็มคนเดียว ถึงอย่างนั้นเวทีก็เป็นที่ที่ยิ่งฉันทำมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกขอบคุณเท่านั้น และยังเป็นช่วงเวลา healing ด้วยค่ะ

********
- Imposter Syndrome คือ โรคที่รู้สึกว่าตัวเองนั้นด้อยคุณภาพ คิดว่าตัวเองไม่เก่ง ไม่มั่นใจตัวเอง
- Jekyll and Hyde คือ ผลงานวรรณกรรมของ Robert Louis Stevenson ที่ได้รับความนิยมจนวลี Jekyll and Hyde กลายเป็นสำนวนที่หมายถึง คนที่มีลักษณะเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย มีสองตัวตนในคนเดียวกัน

GQ: อะไรคือความหนักใจที่คุณอยากแชร์ผ่านการให้คำปรึกษางั้นเหรอ?
ทิฟฟานี่: ฉันต้องเปิดมันออกมาดูให้หมดเลยค่ะ หลังจากข้ามน้ำข้ามทะเลมาตอนม.3 ในฐานะที่เป็นคนอเมริกันเชื้อสายเอเชีย ผู้หญิงอเมริกันเชื้อสายเกาหลี และในฐานะคนอพยพ อืม… ฉันแค่อยากทำความเข้าใจมันทั้งหมดทีละอย่างค่ะ ‘ทำไมรีแอคชั่นสมัยก่อนของฉันถึงเป็นแบบนั้นนะ?’ หรือไม่ก็ ‘ทำไมฉันถึงเคยชอบชุดนี้กับสีนี้ละ?’ เป็นช่วงเวลาที่ได้ทำความรู้จักตัวเองโดยถอดทุกอย่างออกมา ก็เลยได้รู้จักตัวเองในตอนนี้มากขึ้นค่ะ เมื่อคุณเข้ารับการให้คำปรึกษา คุณต้องอุทิศเวลา ความเอาใจใส่ และความอ่อนโยนให้กับตัวเองมากๆ มันไม่ง่ายเลย ตั้งแต่ประวัติครอบครัว ฉันต้องหาว่าทำไมถึงมีช่องว่างเกิดขึ้น ต้องเปิดทุกรอยขีดข่วนที่เคยเผชิญในสังคมขณะเดบิวต์ จากนั้นก็ต้องปิดมัน แต่ไม่ใช่แบบว่า “อือ ฉันเจ็บปวดค่ะ ช่วยเข้าใจฉันด้วยนะคะ Watch my pain!” ฉันได้พบว่าฉันสามารถเป็นศิลปินที่ถ่ายทอดเรื่องราวที่ดีต่อสุขภาพได้ต่างหากค่ะ เพราะงั้นพอเห็นคีย์เวิร์ดที่เขียนไว้ว่า “Can't Stop. การวิ่งเต็มฝีเท้าไม่มีหยุดของทิฟฟานี่ ยัง” ใน concept ของการถ่ายแบบวันนี้ นั่นคือพวกเรา(รวมคนในค่ายที่อยู่ด้วยกันกับทิฟฟานี่ ยัง ที่นี่)ในตอนนี้เลย! ดูเหมือนมันได้ถ่ายทอดออกไปแล้ว อยากบอกว่าขอบคุณมากเลยค่ะที่บอกให้ฉันรู้

GQ: เป็นคำที่ผุดขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เมื่อได้เห็นการเดินทางของทิฟฟานี่ ยัง ในช่วงที่ผ่านมา
ทิฟฟานี่: ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ต้องขอบคุณทัศนคติดีๆ ทางเลือกดีๆ และการได้อยู่กับคนดีๆ ฉันถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงละคะ ตอนนี้ฉันได้เป็นตัวของตัวเองแล้ว I feel so free! มีความสุขมากค่ะ จุดนี้ ฉันกำลังสร้างเส้นทางของศิลปินแบบนั้นขึ้นมาทีละก้าวค่ะ

GQ: ถ้าให้เขียนคาถาที่อยากทำให้สำเร็จในช่วงนี้บน Mantra Board ที่อยู่ตรงหน้าคุณ?
ทิฟฟานี่: โฟกัสที่ปัจจุบันกันเถอะ Present is a present. มีคำกล่าวว่าปัจจุบันคือของขวัญอยู่ใช่มั้ยละคะ ฉันกำลังใช้ชีวิตในแต่ละวันโดยจดจ่ออยู่กับปัจจุบันค่ะ

GQ: ไม่ใช่ “อยากใช้ชีวิต” แต่เป็น กำลังใช้ชีวิต สินะ?
ทิฟฟานี่: ค่ะ ฉันกำลังใช้ชีวิต แล้วก็ท่อง “Be present, be present” ตลอดเหมือนสวดมนต์เลยละค่ะ เพื่อที่ฉันจะได้คอนเนคกับคนที่อยู่ตรงหน้าฉัน ได้พูดคุยกันให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และนับทุกช่วงเวลาเป็นสิ่งสำคัญ หรือไม่งั้น คุณเห็น “You are that bitch.” บน Mantra Board ของฉันตอนแสดงคอนเสิร์ตใช่มั้ยคะ?

GQ: นั่นแหละที่อยากรู้มากๆ ประโยคนั้นถูกเขียนไว้ตรงๆเลยว่า “You are 100% that bitch.”
ทิฟฟานี่: ‘ผู้หญิงคนนั้นที่เธอจินตนาการไว้ วันนี้ก็ใช้ชีวิตไปตามนั้นเลย’ เป็นมนตราแบบนั้นค่ะ หวังว่าทุกคนจะตะโกนมันออกมาดังๆเมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า มันสำคัญมากนะคะ ก่อนขึ้นเวทีฉันจะพูดแบบนี้เสมอ วันนี้ก็เช่นกัน ให้ฉันแสดงให้ดูว่าฉันเป็นใคร ฉันต้องแสดงให้ดูว่าฉันเป็นใคร ฉันจะแสดงให้ดูว่า ฉัน เป็น ใคร


แปลโดย: Steph City
ที่มา: https://www.gqkorea.co.kr/?p=217977

티파니 영 "오늘도 내가 누군지 보여주자, 내가 누군지 보여줘야 된다."

투명하게. 티파니 영의 질주. 오프숄더 원피스, 몰리고다드 at 분더샵. 반지, 프루타 톱, 와이드 팬츠, 이어링, 슈즈, 모두 돌체&가바나. 반지, 샤일라 at 10 꼬르소 꼬모 서울. 장갑은 스타일리스트

www.gqkorea.co.kr



ข้อมูลประกอบ

วงแบนด์ในหนังเรื่อง <Home Alone>


Mantra Board ของทิฟฟานี่ตอนแสดงคอนเสิร์ต

Tiffany Young's Tour Bus Travel Routine | On the Go | Vogue
https://youtu.be/gAsoe3hXgiw